แม่วัยรุ่น โร่แจ้งเอาผิด ทุกคนในคลิป ปิดม่านซ้อมลูกชายคาเตียง - Thailandnews

Latest

Sponsor

Friday, August 30, 2019

แม่วัยรุ่น โร่แจ้งเอาผิด ทุกคนในคลิป ปิดม่านซ้อมลูกชายคาเตียง





จากกรณี เจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) ร่วมตั้งด่านกับฝ่ายปกครองของ อ.เมืองชลบุรี ถูกรถจักรยานยนต์ที่พยายามขับหลบหนีย้อนศรชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่ผู้ชนก็ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวไปโรงพยาบาลด้วย ต่อมามีภาพกล้องวงจรปิดเจ้าหน้าที่ อส.ปิดม่านรอบเตียงชกผู้ขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อเอาคืนให้ผู้บาดเจ็บนั้น
วันที่ 30 ส.ค. นางประภาพร สิโรลำ แม่ของนายศรศักดิ์ หรือเอ็ม ผู้ขี่รถจักรยานยนต์ที่ถูกทำร้ายในโรงพยาบาล เดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรแสนสุข ด้วยสภาพอ่อนเพลียและมีอาการป่วย เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลในคลิปทั้งหมดที่ทำร้ายร่างกายลูกชายในวันเกิดเหตุ
นางประภาพร กล่าวว่า หลังจากที่เห็นคลิปที่ลูกชายถูกซ้อมในห้องฉุกเฉินก็ยอมรับไม่ได้ รู้สึกเสียใจ จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ และจะขอดำเนินคดีกับบุคคลทั้งหมดที่อยู่ในคลิปนั้นให้ถึงที่สุดต่อไป



ส่วนทางด้านคดี พ.ต.อ.เทียนชัย เลิศมณีทวีทรัพย์ ผกก.สภ.แสนสุข กล่าวว่า วันนี้ ตนได้เดินทางไปที่เรือนจำกลางชายชลบุรี ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี พร้อม พ.ต.ท.ชัฎ บรรทัดเที่ยง รอง ผกก.สส. เพื่อไปสอบสวนปากคำนายศรศักดิ์ ที่ถูกควบคุมตัวอยู่และไปขอดูสภาพบาดแผลเป็นรอบที่ 2 เพื่อใช้ในการประกอบสำนวนคดี ที่นายศรศักดิ์ ขี่รถจักรยานยนต์ย้อนศรชน นายขวัญชัย ช่างเหล็ก อส.บาดเจ็บ และกรณีที่นายศรศักดิ์เป็นผู้เสียหาย ถูก อส.สำรองลงมือทำร้ายร่างกายตามคลิปวงจรปิด พบว่าสภาพบาดแผลจากรถล้มยังถลอกตามร่างกายอยู่เล็กน้อย ส่วนบาดแผลที่ถูกทำร้ายเกือบหายเป็นปกติแล้ว


จากการสอบสวน นายศรศักดิ์ให้ปากคำว่า ระหว่างเกิดเหตุ ถูก อส.ทำร้ายจริง แต่เพียงคนเดียวเพราะจำได้ว่ามีรอยสักเต็มแขน โดยใช้เท้ากระทืบระหว่างที่อยู่ในที่เกิดเหตุ และยังรูดม่านลงมือทำร้ายชกที่เตียงคนไข้ ภายในห้องฉุกเฉิน รพ.มหาวิทยาลัยบูรพา หลายครั้ง
อย่างไรก็ตามตำรวจจะสอบสวนกลุ่มคนทั้งหมดกว่า 10 คนที่เข้าไปบริเวณนั้นว่า มีคนอื่นสนับสนุนให้ลงมือทำร้ายนายศรศักดิ์หรือไม่ และต้องรอใบรับรองแพทย์ผลการตรวจร่างกายจาก รพ.มหาวิทยาลัยบูรพาว่า ถูกทำร้ายร่างกายสาหัสหรือไม่เพราะการดำเนินคดีต่างกัน เมื่อได้รับผลการตรวจแล้วจึงจะสามารถเรียกผู้ก่อเหตุเข้ามารับข้อกล่าวหา โดยการดำเนินคดีจะต้องตรงไปตรงมา


No comments:

Post a Comment